หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554

เพลงสาวมอเตอร์ไซด์

คำร้อง จรัล  มโนเพ็ชร์

อ้ายคนจนจ๋ำต้องทนปั่นรถถีบ จะไปจีบอี่น้องคนงาม
พอไปถึงอ้ายก่ฟั่งเอิ้นถาม พอไปถึงอ้ายก่ฟั้่งเอิ้นถาม
อี่น้องคนงามกิ๋นข้าวแลงแล้วกา

น้องได้ยินก่ปิดประตู๋ดัง...ปัง อ้ายก่ฟั่งจู๋งรถถีบออกมา
อ้ายคนจนมันบ่มีวาสนา อ้ายคนจนมันบ่มีวาสนา
จะไปเหมือนฮอนด้า หรือยามาฮ่าไปได้จะใด

กำเดียวก่มีรถยามาฮ่า ร้อยซาวห้าก๋ายหน้าอ้ายไป
อี่น้องได้ยินก่ฟั่งลุกต๋ามไฟ อี่น้องได้ยินก่ฟั่งลุกต๋ามไฟ
แล้วเอิ้นออกไป...อ้ายเสื้อลายไปไหนมาเจ้า

อ้ายได้ยินหยังมาผิดใจ๋แต้ว่า จะขายนาซื้อคาวาซักกัน
พอไปถึงอ้ายจะเบิ้นน้ำมัน พอไปถึงอ้ายจะเบิ้นน้ำมัน
หื้อน้องแก้นควัน ต๋ายจ้างมันสาวมอเตอร์ไซด์

เพลงสาวมอเตอร์ไซด์ของคุณจรัล  มโนเพ็ชร์ เป็นเพลงในแนวคันทรี่ช้าๆ ใส่เนื้อเพลงที่เป็นภาษาเหนือหรือคำเมืองเข้าไป ซึ่งคำเมืองที่ใช้นั้นเป็นคำง่ายๆ หรือเป็นภาษาชาวบ้าน ทำให้เพลงนี้มีความเป็นพื้นบ้านหรือมีลักษณะลูกทุ่งพอสมควร คอร์ดกีตาร์ที่ใช้เล่นเพลงนี้เป็นคอร์ดง่ายๆ พื้นฐาน (เสียงตามในเพลงน่าจะใช้คีย์ D) ซึ่งก็เป็นเพลงที่นิยมใช้ฝึกเล่นกีตาร์กันเพลงหนึ่ง

เนื้อหาของเพลงนี้ฟังดูแล้วออกจะดูตลกขบขัน ด้วยลีลาการร้องและสำนวนของเพลง ซึ่งเพลงนี้สะท้อนภาพสังคมของคนเชียงใหม่ในยุคหนึ่งน่าจะราวๆ 30-40 ปีก่อน สมัยซึ่งมอเตอร์ไซด์หรือรถเครื่องกำลังเริ่มเป็นที่นิยมของคนเชียงใหม่ ใครที่ขับมอเตอร์ไซด์นั้นมักจะได้รับการยอมรับว่าดูเท่ ดูมีฐานะ ทันสมัย และส่วนมากคนที่ใช้มอเตอร์ไซด์มักจะเป็นคนในเมือง ซึ่งแตกต่างกับคนบ้านนอกที่ยังใช้รถจักรยานหรือรถถีบเป็นยานพาหนะอยู่ ดังนั้นสาวชาวบ้านหรือถ้าจะขอเรียกว่าสาวบ้านนอกจึงมักจะมองหรือให้ความสำคัญกับหนุ่มๆ ที่มีมอเตอร์ไซด์มากกว่าที่ขับรถจักรยานหรือรถถีบ

เพลงสาวมอเตอร์ไซด์บรรยายถึงความรู้สึกของอ้ายบ่าวคนหนึ่งที่ปั่นรถถีบได้เป็นอย่างดี ในคำเมืองที่ว่า "ผิดใจ๋" นั้นมันรวมเอาหลายๆ ความรู้สึกทางด้านลบเอาไว้ ตั้งแต่ น้อยใจ เสียใจ โกรธ เบื่อ เซ็ง ฯลฯ ซึ่งคำลักษณะนี้เป็นเสน่ห์ของคำเมืองที่บางครั้งมีแต่คนเมือง (คนเหนือ) ที่เข้าใจ และก็เป็นเสน่ห์ของคุณจรัลด้วยเช่นกันที่เลือกคำเหล่านี้มาใช้ในงานเพลงของเขามากมาย

สมัยเด็กตอนที่ผมได้ฟังเพลงนี้ จำได้ว่ารถยามาฮ่าร้อยซาวห้านั้นเป็นรถประเภทกึ่งวิบาก น่าจะเป็นพวก DT หรือเอ็นตาโร่ (ผมไม่ชำนาญเรื่องรถ ขอผู้รู้ช่วยแสดงความคิดเห็นด้วยครับ) ขนาดเครื่องก็ตามในเพลงคือ 125 ซีซี  ซึ่งคนที่ใช้รถพวกนี้มักจะเป็นพวกทำงานบนดอยหรือพวกป่าไม้ ครูดอยก็ใช้กันบ้าง คนขับนี้ถ้าใส่เสื้อลายสก๊อตกางเกงยีน ใส่แว่นตาดำขอบทองประมาณเรย์แบน โห...เท่สุดๆ (สมัยนั้นนะครับ) ผมจินตนาการว่าไอ้หนุ่มมอเตอร์ไซด์ที่ขับรถก๋ายหน้าอ้ายไปน่าจะประมาณนี้ อี่น้องคนงามจึงหลงใหลไปตามธรรมเนียม

เพลงสาวมอเตอร์ไซด์นี้ช่วงหลังเห็นว่ามีการนำมาทำเป็นเพลงแปลงแนวสตริง ซึ่งแปลงออกไปในทางหยาบโลนหรือแนวลามกบ้าง ผมเองไม่ได้ว่าการเอาไปทำเป็นเพลงแปลงไม่ดีหรือว่าเพลงที่ออแนวหยาบโลนลามกไม่ดีหรอกนะครับ จริงๆ ก็เป็นเพลงคำเมืองเหมือนกัน มีเนื้อหาที่เป็นชาวบ้านๆ ธรรมชาติมนุษย์เหมือนกัน ฟังแล้วออกแนวตลกๆ คลายความเครียดสร้างรอยยิ้มได้เป็นอย่างดี เพียงแค่อยากจะให้ผู้ฟังมีข้อมูลแยกแยะว่าอันไหนเพลงแปลง อันไหนเพลงเดิม เพื่อจะได้เป็นเสน่ห์ของเพลงคำเมืองจะได้ชัดเจนและคงอยู่ต่อไป

เพลงเสเลเมา

คำร้อง จรัล  มโนเพ็ชร์

(พูด) ไก่แจ้ขะเนอกุง นกยูงขะเนอฮ้อย ก้อยข้านี้ไผจะมาตัดบ่ม แหล่......

อะโหล่โลโล้ ไปเมืองโก๋โตยปี้เงี้ยว หนตางก๊ดเลี้ยวข้าน้อยจะขอถาม หนตางเส้นนี้ก่เป็นถนนก่เมืองพาน เฮย ป้อเฮย ผ้าสีปู้เลยป๊าดกึ่งตุ้มกึ่ง ฮิ้ว...

เสเลเมา บ่าเดี่ยวเปิ๊กเซิ๊ก ข้ามน้ำเลิ๊กก่บ่ได้ขอดใส่โถ หนามเก็ดเก๊ามาจ่อมเอาขนก่แมวโพง ต๋าวันลงเจ้นจะแผ๋วต๋าฝั่ง  ฮิ้ว....

เสเลเมา บ่าเดี่ยวป๊อกซ๊อก ไปเล่นไพ่ป๊อกก่เสตึงลูกก่ตึงหลาน เล่นไปแหมน่อยก่เสตึงติ่นก่ตึงลาน  เหนาะ เจ้าปี้เหนาะ จะขี่เฮือเหาะขึ้นบนอากาศ  ฮิ้ว...

อะโหล่โลโล้ ส้มบะโอจิน้ำพริก เหน็บดอกปิ๊กซิก มาแป๋งต๋าเหลือกก่ต๋าแหล ไปตางปุ้นก่เป๋นประตู๋ก่ท่าแพ งามนักแก อะโหล่โล้โล แม่ฮ้าง แม่งาม

(พูด) เขี้ยวหล้าสันถูตงเน่อ ปี้บ่หยอดเมียงมางน่อลง ย่าลันต้องโตยสูปี้เล้า แหล่....

เสเลเมา บ่เดี่ยวป๋างกว้าง ไปเซาะซื้อจ๊างก่ได้กู้เอกก่งาขาว เอาไปลากไม้ตี้เจงแสนก่เจงดาว เหนาะ เจ้าปี้เหนาะ ผักกาดเก๊าะจิน้ำพริกหนุ่ม  ฮิ้ว...

เพลงเสเลเมาที่คุณจรัลได้นำมาขับร้องนี้ เป็นเพลงร้องพื้นถิ่นของขาวไทใหญ่ หรือชาวไต หรือที่ในเพลงเรียกว่าคนเงี้ยว (คนไทยใหญ่ไม่ชอบให้เรียกว่าเงี้ยวเหมือนที่คนจีนไม่ชอบให้เรียกว่าเจ๊ก) เพลงเสเลเมานั้นคาดว่าจะเป็นการขับกล่อมคู่ไปกับการบรรเลงด้วยเครื่องดนตรีพื้นเมือง โดยเป็นการขับขานเรื่องราวต่างๆ ที่ได้เห็นหรือประสบพบเจอมา สำเนียงของดนตรีออกไปทางสำเนียงพม่า (ไม่ใช่เพลงพม่านะครับ) ไอ้ที่ว่าสำเนียงพม่าเป็นยังไงนี่ผมเองก็บอกไม่ถูกครับ เป็นความรู้สึกจากที่ได้ฟังเพลงสำเนียงพม่ามา ซึ่งคล้ายกัน (ขอผู้รู้ช่วยแสดงความคิดเห็นด้วยครับ)

ในเนื้อเพลงนั้น คำหลายคำได้เขียนออกไปตามสำเนียงพูดของขาวไทใหญ่ เช่น เจงแสน : เจียงแสน, เส : เสีย เป็นต้น  เนื้อหาของเพลงก็น่าจะยกเอาเรื่องราวของคนไทใหญ่ที่มาใช้ชีวิตอยู่ในเชียงใหม่มาเขียนเป็นเพลง ซึ่งเพลงเสเลเมานี้ก็เป็นทำนองเพลงที่ใช้ในการซอด้วยเช่นกัน เรียกว่าซอทำนองเพลงเสเลเมา ซึ่งจะเป็นคนละอย่างกันกับซอทำนองเพลงเงี้ยวนะครับ

ขึ้นต้นเพลงด้วยการพูดนั้น ผมเคยถามคนไตที่รู้จักกัน เค้าบอกว่าตรงที่ขึ้นต้นนั้นฟังเข้าใจได้ แปลเป็นภาษาไทยกลางว่า ไก่แจ้ขันในกรุง นกยูงขันในห้วย ตัวข้านี้จะมีใครมาเหมาะสม หมายถึงเป็นการเปรียบเทียบว่าไก้แจ้นั้นมีชีวิตอยู่ในบ้านในเมือง นกยูงนั้นมีชีวิตอยู่ในป่าในห้วย ส่วนตัวข้า (ผู้พูด) นั้นจะมีใครมาเหมาะสมอยู่ด้วยกัน (ไม่มั่นใจว่าจำมาถูกหรือเปล่า วานผู้รู้ช่วยแก้ไขด้วยนะครับ) แต่ตรงที่พูดท่อนกลางนั้น คนไตที่รู้จักกันบอกว่าฟังแล้วไม่เข้าใจครับ

เพลงพี่สาวครับ

คำร้อง จรัล  มโนเพ็ชร์

ลัล ลัล ล้า.....

ปี้สาวครับ สวัสดีครับปี้ครับ จำน้องจายคนนี้ได้ก่ จำได้บ่ได้ก่บอกมา ล้า ลา...

ปี้สาวครับ ต๋อนนี้ผมเป็นหนุ่มแล้วครับ มีแม่ญิงมาไล่จับ จะยับเอาผมไปเป๋นแฟน ล้า ลา...

เจอกันเมื่อสองสามปีก่อน ผมยังหละอ่อนและซนแก่น ฮักเป๋นปี้สาวบ่ได้เมามาเป๋นแฟน ปี้ก่ฮักผมเป็นน้องจาย

ปี้สาวครับ ต๋อนนี้ผมฮักปี้แล้วครับ จะฮักปี้บ่มีหน่าย บ่อยากเป๋นน้องายแล้วหล่ะ

หมายเหตุ  โดยผู้เขียน
ปี้สาว : พี่สาว (เขียนตามสำเนียง)
ยับ : จับ
หละอ่อน : เด็ก

เพลงพี่สาวครับ ของคุณจรัล  มโนเพ็ชร์ เป็นเพลงออกไปทางคันทรี่เบาๆ หวานๆ ซึ่งเมื่อใส่คำร้องที่เป็นภาษาเหนือง่ายๆ เข้าไปแล้วได้กลิ่นความเป็นล้านนาออกมาทันที เพลงนี้คุณจรัลได้ใช้ภาษาที่พื้นๆ ง่ายๆ จริงๆ ครับ แต่มีความเหมาะเจาะลงตัว น่ารัก ชวนยิ้มได้เป็นอย่างดี

ผมเคยอ่านบทความของคุณประภาส  ชลศรานนท์ ที่เขียนให้คุณจรัลในหนังสือเล่มหนึ่งถึงความรู้สึกที่มีต่อคุณจรัล เขาบอกว่าครั้งแรกที่ได้ฟังเพลงนี้ มีความรู้สึกว่าใครหนอช่างเอาคำเมืองมาแต่งเป็นเพลงได้อย่างน่ารักขนาดนี้ และท่วงทำนองยังหวานเสียจนนึกไปถึงครั้งที่เคยเคอะเขินในการจีบสาวเมื่อยังหนุ่มๆ เลยทีเดียว

ผมว่าเด็กหนุ่มแทบจะทุกคนต่างก็เคยรู้สึกแบบเดียวกับที่คุณจรัลแต่งเพลงพี่สาวครับเหมือนกัน สมัยเรายังเด็กรุ่นๆ ไม่ได้มองสาวรุ่นเดียวกันหรอกครับ มีแต่มองสาวรุ่นพี่กันทั้งนั้น จะไปมองสาวรุ่นเดียวกันก็เมื่อเป็นวัยรุ่นเต็มตัวแล้ว และผมก็เชื่อว่าทุกคนที่ฟังเพลงนี้ก็จะนึกไปถึงพี่สาวที่เคยแอบรักเช่นกันครับ

เพลงสาวเจียงใหม่

คำร้อง จรัล  มโนเพ็ชร

ข้าเจ้าเป๋นสาวเจียงใหม่ แหมบ่เท่าใดก่จะเป็นสาวแล้ว
ตึงวันมีบ่าวมาแอ่ว มาอู้มาแซว เป๋นคนหละปูน

ข้าเจ้าจะเลือกเอาไผ๋ อ้ายบ่าวเจียงฮายชื่อแก้วมาลูน
อ้ายก๋องคนแป้เขี้ยวซุน อ้ายคำ อ้ายมูล อ้ายสม อ้ายมี

เปิ้นบอกว่าจะมาขอ ข้าเจ้าก่รอมาแล้วเป๋นปี๋
ป้อแม่ถ้าปู๋สะลี อ้ายบ่าวตั๋วดีหายแส้บหายสอย

ข้าเจ้าบ่เชื่อแหมแล้ว จะแต่งกับแม้วไปอยู่ป๋ายดอย
ขายผ้า ขายเพชร ขายพลอย ขายแหวน ขายสร้อย อยู่บนดอยปุย

บทเพลงสาวเจียงใหม่ (ขออนุญาตเขียนตามสำเนียงพูด) ที่ขับร้องโดยคุณสุนทรี  เวชานนท์ ซึ่งเชื่อว่าคนไทยเกือบทั่วประเทศถึงแม้จะไม่ใช่คนเหนือจะต้องเคยได้ยินได้ฟังเพลงนี้  ซึ่งกล่าวถึงชีวิตการแต่งงานของหญิงสาวเชียงใหม่หรือสาวชาวเหนือ ในสำเนียงการร้องออกจะไปในทางสนุกตลกมากกว่าเป็นเรื่องจริงจัง แต่เนื้อหาของเพลงก็ได้สะท้อนวิถีชีวิตยุคหนึ่งของผู้หญิงทางเหนือ ซึ่งน่าจะราวๆ มากกว่า 50 ปีก่อน เนื่องจากยังคงมีวัฒนธรรมการแอ่วสาวอยู่ในเพลง ซึ่งเป็นวิถีชีวิตพื้นบ้านของสังคมทางเหนือในอดีต

ตั้งแต่เด็กจนโตผมได้ฟังเพลงสาวเจียงใหม่นี้ พยายามนึกหน้าตาของสาวเจียงใหม่ในเพลงว่าจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร จนแล้วจนรอดก็นึกไปเห็นเป็นหน้าของคุณสุนทรีทุกครั้ง เนื่องด้วยเสียงร้องของคุณสุนทรีนั้นเป็นเอกลักษณ์ของเพลงสาวเจียงใหม่ไปเสียแล้ว คือฟังคนอื่นร้องถึงจะเพราะพริ้งยังไงก็ไม่เหมือนคุณสุนทรี ผมไม่ขอขยายความว่าเอกลักษณ์เสียงของคุณสุนทรีเป็นยังไง เพราะเป็นเรื่องของความรู้สึกส่วนตัว แต่สำหรับผมและใครหลายๆ คน ถ้าเพลงสาวเจียงใหม่ก็ต้องเป็นคุณสุนทรีร้องนั่นแหละ ถึงจะใช่

สำหรับหนุ่มน้อยชาวเหนือแล้ว เพลงสาวเจียงใหม่เป็นเพลงแรกๆ ที่ใช้ในการหัดเล่นกีตาร์ เนื่องด้วยคอร์ดและการดำเนินเพลงแบบ Picking หรือการเกากีตาร์นั้นเหมาะสำหรับคนที่เริ่มต้นเล่น ทางเดินคอร์ดแบบพื้นฐาน C Am Dm G7 F  ซึ่งไม่ยากสำหรับคนที่เริ่มหัดเล่นกีตาร์ ตัวผู้เขียนก็ได้ใช้เพลงสาวเจียงใหม่เป็นเพลงปฐมบทหรือเพลงครูในการหัดเล่นกี่ตาร์ด้วยเช่นกันครับ